การสืบค้นอินเทอร์เน็ต

ความหมายของอินเทอร์เน็ต 

อินเทอร์เน็ต คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทเชื่อมโยงกถึงกันทั่วโลกโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (client) และเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (host) ทั้งลูกข่ายและแม่ข่ายสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้ในระบบของอินเทอร์เน็ตยังมีคำศัพท์ที่ผู้ใช้ควรรู้ เพื่อจะเป็นประโยชน์ในการสืบค้นข้อมูลดังนี้
1. worldwide web (www) หรือเรียกว่า Web ซึ่งหมายถึง อินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมหรือมีเครือข่ายทั่วโลก (www) เป็นส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์แม่ข่ายในอินเทอร์เน็ต ที่ผู้สืบค้นสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลหรือจะเชื่อมโยงไปสู่เว็บอื่นๆก็ได้ 
2. web site หมายถึง แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร และสื่อประเภทต่างๆเช่นรูปภาพ เสียง ข้อความของแต่ละหน่วยงาน บริษัท หรือเจ้าของ wab site เอกสารต่างๆของหน่วยงานของเราเรียกว่า wab page และยังเรียก web page หน้าแรกของแต่ละ web site ว่า home page


ตัวอย่าง web site ของแต่ละหน่วยงาน


3. electronic mail (e-mail) หมายถึง จดหมายหรือข้อความที่ส่งไปถึงบุคคลหรือหน่วยงาน โดยผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยการส่งจดหมาย หรือข้อความผ่านระบบอินเทอร์เน็ตนั้นผู้ส่งจดหมายต้องทราบตู้รับจดหมายหรือ e-mail address ของผู้รับด้วย และส่งจดหมายหรือข้อความไปยัง e-mail address ดังกล่าวผู้รับก็จะได้รับจดหมายทันที
4. domain name เป็นชื่อเรียกใช้เรียกแทน IP address ต่างๆที่ website นั้นๆเก็บอยู่เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและเรียกใช้ได้ง่าย เช่น



domain name มีองค์ประกอบ 3 ส่วนเรียกว่า "subdomain" คือ
4.1 ส่วนที่บอกชื่อของ server ว่าเป็น WWW หรือเป็น FTP server
4.2 ชื่อของ domain name มักตั้งตามชื่อเจ้าของบริษัทหรือหน่วยงาน
4.3 ส่วนที่บอกชื่อของประเภทหน่วยงานและประเทศ หรืออาจเรียกว่า นามสกุลของ domain name เช่น

ตัวอย่างนามสกุลของ Domain Name



ตัวอย่างคำย่อประเทศ




อย่างไรก็ตาม แม้อินเทอร์เน็ตจะเอื้อประโยชน์นานัปการ แต่ด้วยความทันสมัยและสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายกันได้ทั่วโลก ข้อมูลที่ซ่อนเร้นอยู่ในอินเทอร์เน็ตก็ย่อมหลากหลาย มีทั้งดีมีสาระประโยชน์ และมีเว็บไซต์ที่มีข้อมูลไปในทางผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายซึ่งอาจเป็นภัยต่อผู้ใช้ ดังนั้นผู้ใช้ควรต้องมีวิจารณญาณในการเลือกสรรเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่า พัฒนาความรู้ความคิดให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้รอบรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสารของโลกยุคโลกาภิวัตน์
การสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ จากระบบอินเทอร์เน็ต ผู้อ่านจะต้องทราบเรื่อง Web site ที่ต้องการจะสืบค้นข้อมูลโดยเริ่มจากการกดปุ่ม (click) ที่ไอคอน (icon) หรือเมนูโปรแกรมInternet Explorer ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อปรากฏหน้าจอของ Internet Explorer แล้วพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ลงในช่อง address ที่วางอยู่แล้วกด enter ผู้สืบค้นก็สามารถเข้าสู่ระบบการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ที่ต้องการได้
การสืบค้นเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากระบบอินเทอร์เน็ตมีประโยชน์มากมายนานัปการ และเป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้สืบค้นสามารถไปสืบค้นข้อมูลได้มากตามที่ตนต้องการ ข้อมูลข่าวสารในระบบอินเทอร์เน็ตสามารถสืบค้นได้ทั้งข้อมูลที่มีอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น ถ้าผู้สืบค้นต้องการค้นข้อมูลเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ประเพณีต่างๆ หรือเรื่องราวในวารสารเมืองโบราณ ผู้สืบค้นต้องทราบว่า address ของวารสารของเมืองโบราณคือ www.muangboranjournal.com ผู้สืบค้นต้องพิมพ์ชื่อเว็บไซต์นี้ลงในช่องว่างของ adress แล้วกด enter ก็จะปรากฏหน้าเว็บไซต์ของวารสารเมืองโบราณบนหน้าจอซึ่งในหน้าเว็บไซต์ มีข้อมูลหลากหลายให้เพื่อนสืบค้นอ่านสามารถ click ลูกศรบนหัวข้อหรือเรื่องราวที่สนใจอ่านแล้ว click ซ้ำ ก็จะปรากฏข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมด
ตัวอย่างแสดงหน้าจอเว็บไซต์ของวารสารเมืองโบราณ



การสืบค้นและหาความรู้จากสื่ออินเทอร์เน็ต ถ้าผู้สืบค้นไม่ทราบชื่อเว็บไซต์ สามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลได้ โดยเข้าไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ www.google.co.th ผู้สืบค้นต้องพิมพ์ชื่อข้อมูลที่ต้องการจะค้นหาลงใน address ที่ปรากฏอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ของ www.google.co.th เช่นต้องการสืบค้นข้อมูลเรื่องละครในก็พิมพ์คำว่า "ละครใน" ลงในช่องว่างแล้วกด enter ข้อมูลเรื่องละครในก็จะปรากฏให้ผู้สืบค้นได้ click เพื่อต่อไป


ตัวอย่างแสดงหน้าจอเว็บไซต์ของการค้นหาคำว่า"ละครใน"


เมื่อหน้าของเว็บไซต์ปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับละครในผู้อ่านก็สามารถกดปุ่ม (click) เข้าไปอ่านในหัวข้อเรื่องต่างๆที่ปรากฏในหน้าจอคอมพิวเตอร์ เช่น เรื่องที่แสดงผู้แสดง การแต่งกายและการแสดง ดนตรีและเพลงร้อง และสถานที่แสดง
การใช้ภาษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีประโยชน์ต่อนักเรียนในการค้นคว้าหาความรู้ เช่น การอ่านข่าวการ ค้นข้อมูล การรับสารจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์มักไม่มีปัญหา แต่เมื่อนักเรียนเปลี่ยนเป็นผู้ส่งสารแล้วอาจก่อให้เกิดปัญหาในการสื่อสารได้ นักเรียนสามารถส่งสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้หลายรูปแบบ เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) การสนทนาในห้องสนทนา (Chat Room) นักเรียนควรใช้ภาษาที่จะส่งสารผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างสุภาพ กล่าวคือ ไม่ใช้คำหยาบไม่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือให้ร้ายผู้อื่น และไม่ควรแสดงข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขที่บัตรประชาชนเลขที่บัญชีธนาคาร เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียแก่ตนเองและผู้อื่น ผิดศีลธรรม บางครั้งอาจผิดกฎหมาย และอาจนำภัยมาสู่นักเรียนซึ่งเป็นผู้ใช้ได้ ดังนั้นนักเรียนจึงควรมีวิจารณญาณในการสื่อสารผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพราะจะช่วยให้นักเรียนเป็นผู้มีมารยาทและมีทักษะในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่นักเรียนนิยมใช้ในการส่งสารได้แก่ การสื่อสารทางห้องสนทนา (Chat Room) จะเห็นได้ว่านักเรียนใช้การสื่อสารทางห้องสนทนาเพื่อติดต่อสื่อสารกัน ภาษาที่ใช้เป็นที่เข้าใจกัน และมีลักษณะเฉพาะกลุ่ม
ลักษณะการใช้ภาษาในห้องสนทนา 
1. การทักทายและการบอกลา การทักทายและการบอกลาในห้องสนทนามีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งผู้สนทนาต่างก็มีรูปแบบในการทักทาย และการบอกลาจะแตกต่างกันออกไป เพื่อต้องการดึงดูดความสนใจจากคนในห้องสนทนา เป็นการสร้างความประทับใจ หรือบอกลักษณะบุคลิกของตนในบางครั้งก็อาจใช้ภาษาต่างประเทศด้วย
ตัวอย่าง

2. การใช้ภาษาพูดในการเขียน เป็นการพิมพ์ข้อความโดยใช้ภาษาพูดในการเขียนเรื่องจากต้องการให้การสนทนาในห้องสนทนานั้นเหมือนกันสนทนาพูดโต้ตอบกันจริง
ตัวอย่าง


3. การใช้สัญลักษณ์แสดงอารมณ์และท่าทาง ในห้องสนทนานิยมใช้สัญลักษณ์แสดงอารมณ์และท่าทาง สัญลักษณ์นี้ใช้เพื่อแทนการที่ผู้สนทนาไม่สามารถแสดงอารมณ์และท่าทางเหมือนกับการพูดโต้ตอบกันจริง
ตัวอย่าง



ข้อบกพร่องเรื่องการใช้ภาษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
การใช้ภาษาในห้องสนทนาที่เป็นการสื่อสารแบบทันทีทันใด ทำให้นักเรียนมีข้อจำกัดในการพิมพ์ข้อความและอ่านข้อความสนทนาในเวลาเดียวกัน ในการสนทนานักเรียนจึงต้องใช้ข้อความสั้นเพื่อการประหยัดเวลา และอาจใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อแสดงอารมณ์และท่าทาง ซึ่งระดับของภาษาที่ใช้จะใช้ภาษาปากและภาษาระดับกึ่งแบบแผนนั้นมีการใช้ภาษาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เช่นนี้มีลักษณะบุกห้องทางการใช้ภาษา ได้แก่ การสะกดคำ การใช้ภาษาพูดในการเขียน และการละบางส่วนของประโยค
1. การสะกดคำผิด ข้อผิดพลาดทางการใช้ภาษาเรื่องการสะกดคำเกิดจากความต้องการสื่อสารข้อความ อารมณ์ ความรู้สึก ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็วและต้องกระทำควบคู่กันไปด้วย ซึ่งทำให้นักเรียนต้องใช้เวลาอย่างประหยัด เพื่อสื่อสารกับผู้รับสารอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่าง

2. การใช้ภาษาพูดในการเขียน ข้อผิดพลาดทางการใช้ภาษาโดยการใช้ภาษาพูดแทนการเขียน เกิดจากความต้องการของผู้สนทนาที่ต้องการเรียนแบบเสียงพูดให้มากที่สุด 
ตัวอย่าง


3. การละบางส่วนของประโยค ข้อบกพร่องนี้เกิดจากการละหรือตัดบางส่วนของประโยคออก ซึ่งส่วนใหญ่จากเป็นการรับประทานของประโยค จึงทำให้ประโยคที่นักเรียนใช้ในการสื่อสารนั้นไม่สมบูรณ์เพราะในการสื่อสารทางภาษาเขียนนั้นนักเรียนควรสื่อสารให้ถูกต้องสมบูรณ์ครบตามไวยากรณ์
ตัวอย่างประโยคที่ไม่สมบูรณ์ 


อย่างไรก็ตามลักษณะการใช้ภาษาเช่นนี้นักเรียนต้องใช้วิจารณญาณประเมินค่าว่าควรหรือไม่ควรใช้ภาษาลักษณะนี้ในชีวิตประจำวันเพราะภาษาสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ควรจำกัดอยู่เฉพาะในวงสนทนาทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น หากนักเรียนนำมาใช้ในชีวิตจริง เช่น การเขียน การพูด นักเรียนจะเป็นผู้ที่ใช้ภาษาไทยบกพร่อง
การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต นับว่ามีความสำคัญในสังคมปัจจุบันมากขึ้น เพราะสื่ออินเทอร์เน็ตนั้นช่วยให้ผู้สืบค้นสามารถสืบค้นข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายได้เมาก และการสืบค้นข้อมูลจากสื่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถสืบค้นข้อมูลต่างๆได้ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ผู้สืบค้นควรตระหนักอยู่เสมอว่า อินเทอร์เน็ตแม้จะอำนวยความสะดวก และเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มากมาย และกว้างขวางแต่ก็แฝงไปด้วยภัยและข้อมูลที่สื่อไปในทางเสื่อมเสีย ดังนั้นผู้ใช้ควรมีวิจารณญาณในการใช้สื่ออินเทอร์เน็ต
อีกประการหนึ่ง ข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ต่างๆ มีค่อนข้างหลากหลาย ผู้ที่เข้าไปอ่านจะต้องพิจารณาด้วยว่า ข้อมูลใดในเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและถูกต้องตามหลักวิชาการ หากผู้ใช้สื่อมีวิจารณญาณ และสามารถเลือกใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างเหมาะสมก็จะได้รับสาระความรู้ที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ด้านวิชาการ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น